เที่ยว Lyon ลงไปทำอะไรดี


Lyon (ลียง) เมืองท่องเที่ยวอันเลื่องชื่ออีกแห่งของฝรั่งเศส แม้จะเป็นที่จุดหมายที่ไม่ป๊อปเท่าปารีส แต่เมืองสิง (โต) แห่งนี้ก็มีทั้งประวัติศาสตร์อันยาวนาน งานสถาปัตยกรรมและศิลปะที่งดงามมากมาย รวมไปถึงอาหารการกินที่อร่อยเลิศไม่แพ้ใครในแดนน้ำหอม เราเลยอยากแนะนำสถานที่และกิจกรรมเด็ดๆ 10 อันดับยอดนิยม ไว้ให้ใครที่ลงมาเที่ยวลียง ได้ลงมาใช้เวลาวันหยุดอย่างคุ้มค่ากัน

1. พิชิตยอด Fourvière
วิวจากยอด Fourvière
ท้าเดอะแกงค์ผู้พกความฟิตมาเต็มที่ ไต่ขึ้นบันไดกว่า 300 - 700 ขั้น (เลือกเลเวลความโหดได้จ้า) ขึ้นไปชมความงามทั้งภายนอกและภายในของโบสถ์ Notre-Dame (โนเทรอ-ดาม) ประจำเมือง และเมื่อหันหน้าไปทางทิศตะวันออกจะเห็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองลียงเบื้องล่างได้ตลอด 24 ชม. หลังจากพักเหนื่อย จิบกาแฟกินขนมแบบพอหอมปากหอมคอ ก็พากันเดินเท้าต่อไป เขยิบเข้าใกล้ใจกลางยอดเขาอีกนิด เราก็จะพบกับโรงละครโรมันโบราณแห่ง Fourvière (ฟูร์วิแยร์) ที่แม้จะสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 1 แต่มันก็ยังมีหน้าตาและรูปร่างไม่ต่างจากเมื่อครั้งสร้างใหม่ๆ จนกระทั่งในปี 1946 ชาวเมืองลียงจึงได้เห็นพ้องกันให้ใช้โรงละครกลางแจ้งแห่งนี้เป็นสถานที่จัดเทศกาล Fourvière Night Festival ทุกๆ หน้าร้อนเรื่อยมา
คำแนะนำจากคนพื้นที่: สำหรับใครที่ข้อเข่าไม่ดี เมืองลียงเขาก็มี funicular - รถรางไต่ระดับ ไว้คอยให้บริการ โดยใช้บัตรโดยสารเดียวกันกับรถเมล์ รถราง และรถไฟใต้ดิน ให้เราได้นั่งขึ้นไปชมวิวกันแบบสบายๆ หน้ายังเป๊ะ ผมยังอยู่ทรง เซลฟีกับวิวได้แบบชิลๆ สวยๆ 

2. ลัดเลาะไปตาม traboule
ภาพถ่ายหนึ่งในอาคารที่มีทางเชื่อมต่อกับ traboule
Traboule (ทราบูล) ทางลัดที่ไม่ได้เป็นแค่ทางลัด นอกจากจะเป็นทางเดินตัดผ่านตึก ผ่านลานบ้านนู้นจนมาลัดออกบ้านนี้แล้ว เส้นทางเหล่านี้เคยใช้เป็นทางลัดลำเลียงน้ำจากแม่น้ำตรงไปตามแต่ละบ้าน เคยใช้เป็นเส้นทางหลบหนีของเหล่ากองทัพปฏิวัติฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และในช่วงศตวรรษที่ 19 ยังเคยใช้เป็นเส้นทางขนส่งม้วนผ้าไหม ผลิตภัณฑ์อันเลื่องชื่อของลียง จากแหล่งผลิตบนยอดเขาลงมายังตีนเขาที่พวกพ่อค้าพากันมารอเลือกซื้องานผ้าสวยๆ อีกด้วย จาก traboule ที่ยังเหลืออยู่ 400 กว่าแห่งในลียง (หนังสือบางเล่มบอกว่ามีตั้ง 700 แห่งแน่ะ) มีเพียง 40 แห่งเท่านั้นที่ยังเปิดให้เราเข้าไปเยี่ยมชมได้ฟรีๆ (ที่อื่นๆ ไม่ได้เก็บเงินนะ แต่ปิดหมดค่ะ) โดยเราสามารถพบ traboule เหล่านี้ได้ในเขตเมืองเก่าและย่าน Croix-Rousse (ครัวซ์-ครูส) เท่านั้น ถ้าใครอยากสำรวจเส้นทางลัดอันลึกลับเหล่านี้ก็อย่าลืมพกแผนที่มากันด้วย
คำแนะนำจากคนพื้นที่: ที่สำนักงานการท่องเที่ยวลียง นอกจากแผนที่สำรวจเมืองทั่วไปแล้ว เราก็สามารถขอแผนที่สำหรับสำรวจ traboule โดยเฉพาะได้ด้วย

3. ขึ้นเรือลอยล่องไปตามลำน้ำ Saône
มาถึงลียงเมืองสองน้ำทั้งที ล่องเรือเป็นอีกกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ไม่ควรพลาด  ด้วยเรือนำเที่ยวที่เขาเรียกกันว่า Bateaux Lyonnais (บาโตซ์ ลียอนเน่ซ์) เราสามารถใช้เวลาเพียงชั่วโมงเดียวชื่นชมกับความงามของแม่น้ำ Saône (โน) สายน้อยได้อย่างเหลือเฟือ หรือถ้ามีเวลามากหน่อยและอยากชิล เราก็สามารถเลือกเป็นแพ็คเกจพร้อมอาหารกลางวันได้ด้วย และใครที่อยากเติมความหวานให้กับทริปฮันนีมูนหรือโอกาสพิเศษอื่นๆ ทางเรือเขาก็มีโปรแกรมดินเนอร์ยามเย็นให้เราได้ดื่มด่ำกับอาหารรสเลิศและวิวใต้แสงจันทร์แบบโรแมนติกได้อีก
 
4. ปั่นๆ ไถๆ ใน Parc de la Tête d’Or
นอกจากจะเป็นจุดนัดหมายยอดนิยมของเหล่านักวิ่งแล้ว สวนสาธารณะ Parc de la Tête d’Or (ปาร์ค เดอ ลา แตท ดอร์) ที่แปลแบบลวกๆ ว่า “สวนหัวทอง” แห่งนี้ก็ยังเหมาะกับผู้ที่ชอบ slow life mode เอามากๆ ด้วยพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาล 290 เอเคอร์ (เชิญคำนวณกันเอาเองนาจา) ทำให้สวนแห่งนี้ติดอันดับหนึ่งในสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส ซึ่งเราสามารถเอาจักรยานเข้ามาปั่นหรือเช่าสกูตเตอร์ไฟฟ้ามาขี่ได้แบบไม่ต้องกลัวว่าจะไปเบียดกับใคร
นอกจากอากาศดีๆ และวิวสวยๆ หล่อๆ (มันใช่เหรอ XD) สวนแห่งนี้ก็ยังมีสวนสัตว์ให้แรดย่างเราได้เข้าไปสิงสู่ เอ้ย! ให้เราได้เข้าไปชมกันแบบฟรีๆ และยังมีสวนกุหลาบและเรือนพรรณไม้แปลกๆ ที่เข้าชมได้ฟรีอีกเช่นกัน นอกจากนี้เรายังสามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ที่สวนแห่งนี้ได้มากมาย อาทิ มินิกอล์ฟ ขี่ม้า เปตอง หรือใครอยากจะเอาหนังยางมากระโดด หรือมานั่งเล่นหมากเก็บก็ไม่ว่ากัน (กิจกรรมบ่งบอกอายุมากกก)
บรรยากาศสวนสัตว์แบบเปิดภายใน Parc de la Tête d’Or
คำแนะนำจากคนพื้นที่:  สำหรับการเดินทางมา Parc de la Tête d’Or จากเขตเมืองเก่า เราสามารถนั่งรถเมล์สาย 27 ตรงดิ่งมาลงที่ป้าย Parc Tete D'Or – Duquesne (ปาร์ค แตท ดอร์ – ดูแกนน์)  หรือจะเช่าสกูตเตอร์ไฟฟ้าหรือจักรยาน เปิด Google Map ปั่นมาก็ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

5. ชิมอาหารท้องถิ่นในร้าน bouchon
นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่แล้ว ลียงยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่ง gastronomy ตามวิถีของนักชิมอีกด้วย ร้านอาหารตามแบบฉบับของชาวลียงนั้นเรียกกันว่า “bouchon” (บูชง) ซึ่งจะเสิร์ฟอาหารและไวน์ท้องถิ่นโดยเฉพาะ เมื่อเทียบกับอาหารฝรั่งเศสสมัยใหม่ที่เป็น fine cuisine แล้ว อาหารจานลียงส่วนใหญ่จะเป็นเมนูที่เน้นไปทางเนื้อ ค่อนข้างมัน หนักท้อง และอาจเป็นเมนู “วัดใจ” สำหรับใครหลายๆ คน อย่างเช่น andouillette (อองดูแยตต์) – ไส้หมูยัดไส้ ที่กลิ่นแรงจนใครหลายคนต้องยกธงยอมแพ้ boudin noir (บูแดง นัวร์) – ไส้กรอกเลือด tête de veau (แตท เดอ โว) – เนื้อหัววัว (มีบางร้านเสิร์ฟมาทั้งหัวเลยจ้า) salade Lyonnaise (ซาลาด ลียอนแนซ) – สลัดสไตล์ลียงที่ใส่เบคอนและไข่ดาวน้ำ (ถ้าเป็นสูตรดั้งเดิมจะใส่เนื้อจมูกหมูด้วย) และ quenelles (เกอแนลส์) – แป้งผสม(วิญญาณ)เนื้อสัตว์ (คล้ายๆ ลูกชิ้นแป้งบ้านเรางี้ แต่ใส่นมใส่ครีม แล้วนำไปอบ เนื้อและรสชาติก็จะต่างออกไปอีกแบบ) 

Quenelles หนึ่งในเมนูอาหารขึ้นชื่อของลียง
รายการอาหารที่ลิสต์มานี้เป็นเมนูที่แปลกและชวนทึ่งของลียง แต่พอได้ลองจริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น เพราะงั้นถ้ามาถึงลียงทั้งทีก็ควรไปลองดูสักครั้ง และเนื่องจากมีร้าน bouchon ที่เปิดขึ้นมาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวขาจรอยู่เยอะแยะไปหมด อยากขอแนะนำ bouchon ที่เราเคยได้ไปลิ้มลองมาเองแล้วอย่าง Chez Grand-Mère (เชส์ กรองด์-แมร์) นอกจากนั้นก็มี La Tête De Lard (ลา แตท เดอ ลาร์ด์) และ Café des Fédérations (กาเฟ เดส์ เฟเดคราซิยงส์) ที่ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาพอสมควร (ถ้าใครไปกินแล้วมาเล่าให้ฟังด้วยน้า) อ้อ! แล้วถ้าใครอยากลองอาหารหลากหลายอย่าง ชิมนู่นนิดนี่หน่อย Les Halles de Lyon (เลส์ อาลส์ เดอ ลียง) ที่ให้อารมณ์เหมือนตลาดนัดอตก.หรือตลาดไฮโซตามบ้านเราก็มีของกินระดับพรีเมียมให้เลือกมากมาย ซึ่งราคาก็จะมีความพรีเมียมไม่แพ้กันในจุดนี้ 
 
6. เดินเที่ยวชมเมืองกับ free walking tour
เดินเที่ยวเพลินๆ พร้อมได้ความรู้เพิ่มเติมฟรีๆ จากไกด์ท้องถิ่น (ซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ เย่!) ที่จะพาเราไปสำรวจซากโบสถ์โบราณ เดินเที่ยว traboule แบบไม่มีหลง และยังได้ชมสตรีทอาร์ทแบบเพลินๆ 
นอกจากจะได้เรียนรู้ความเป็นมาของลียงพร้อมเรื่องเล่าอันน่าทึ่งแล้ว เรายังจะได้ลิสต์ร้านอาหารเด็ดๆ บาร์ดังๆ ร้านเบเกอรีเก๋ๆ รวมถึงกิจกรรมที่น่าสนใจ และมุมท่องเที่ยวเพิ่มเติมให้เราได้ไปเยี่ยมชมด้วยตนเอง โดยกิจกรรม freewalking tour นี้จะมีทั้งกลางวันและกลางคืน โดยแบ่งเป็นสองธีมสองบรรยากาศ ให้เราได้รู้จักเมืองลียงในทุกซอกทุกมุมได้ดียิ่งขึ้น

7. สำรวจโลกพิพิธภัณฑ์
บางคนอาจมองข้ามกิจกรรมการเดินพิพิธภัณฑ์ไปเลย แต่พิพิธภัณฑ์ในฝรั่งเศส โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ๆ มักจะได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี มีการพัฒนาและปรับปรุงทำให้การค้นหาความรู้ไม่เป็นเรื่องที่น่าเบื่ออย่างที่คิด ส่วนตัวเราเป็นคนชอบศิลปะ จึงอยากขอแนะนำ Museum of Fine Arts ประจำเมืองที่ต้องไปซ้ำถึง 6 รอบถึงจะเดินชมผลงานได้ทั่ว (เป็นคนชอบส่องพิจารณาทุกเม็ดสีค่ะ 555) ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ แม้ไม่ได้มีจุดประสงค์ไปดูงานศิลป์ เราก็สามารถเข้าไปเยี่ยมชมบรรยากาศของสวนหย่อมพิพิธภัณฑ์ที่ชาวเมืองลียงเขาชอบมานั่งเล่นกัน จะหิ้วแซนด์วิชขนมนมเนย หรือเอาหนังสือมาอ่านในนี้ เขาก็ไม่ว่า
และสำหรับใครที่สนใจใฝ่รู้ด้านอื่นๆ เราก็มีท็อปลิสต์พิพิธภัณฑ์ในลียงมาให้ อันได้แก่ Confluence Museum พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของมนุษยชาติ Resistanceand Deportation History Centreพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่สองและเรื่องเล่าจากเหล่าผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ Museum of Cinema Miniature พิพิธภัณฑ์ 2in1 ที่มีทั้งแบบจำลองจิ๋วและเรื่องราวเกี่ยวกับโลกภาพยนตร์ Gadagne (กาดานย์) Musuem พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองลียงและหุ่นเชิด 

8. ดูโชว์หุ่นเชิด Guignol
ภาพวาด Guignol ที่พบได้ทั่วไปในเมืองลียง
เวลาที่เดินเที่ยวในเมืองเราอาจจะเคยเห็นหน้าค่าตาของตุ๊กตาหุ่นเชิด Guignol (กิยอล) กันมาบ้างตามกำแพงหรือร้านอาหารบางแห่ง Guignol เป็นสัญลักษณ์ที่โด่งดังอีกอย่างของลียง โดยถือกำเนิดขึ้นจากผู้ช่วยหมอฟันคนหนึ่งที่ต้องการหลอกล่อคนไข้เวลาถอนฟัน เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มียาชา แต่ทว่าผลลัพธ์กลับเวิร์คเกินคาด แทนที่จะมาถอนฟัน ผู้คนกลับพากันแห่มาดูโชว์ตุ๊กตาสุดฮาตัวนี้แทน จนทำให้พ่อผู้ให้กำเนิด Guignol นั้นถึงกับละทิ้งอาชีพในคลินิกหมอฟันแล้วผันตัวเองมาเป็นนักเชิดหุ่นมืออาชีพแบบเต็มตัวซะเลย
คำแนะนำจากคนพื้นที่: ใครที่อยากดูโชว์หุ่น  Guignol  ที่ Théâtre la Maison de Guignol (เตอาเทรอ ลา เมซง เดอ กิยอล) และ Guignol un Gone de Lyon (กิยอล อัง กอน เดอ ลียง) มีการจัดแสดงตลอดทั้งปี แต่รู้สึกเหมือนว่าโชว์นี้จะพากย์ภาษาฝรั่งเศสเท่านั้น ถ้าใครอยากดูเอาฮา อยากเก็ทมุก ขอแนะนำว่าต้องมีสกิลภาษาฝรั่งเศสที่ค่อนข้างแข็งแรงหน่อย

9. ตามล่าหางาน street art
ตัวอย่างงาน street art ที่เจอในเขต 1
สำหรับใครที่ชื่นชอบงานศิลปะ ลียงมี outdoor gallery อยู่ทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะเป็นตามกำแพง ตีนสะพาน ใต้สะพาน ท่าเทียบเรือ หรือแม้แต่บนฟุตบาธ! เพราะลียงเป็นเมืองแห่งจิตรกรรมฝาผนัง (เป็นหลายอย่างเนาะ) ดังนั้นเราจะเห็นงานอาร์ทหลายรูปแบบ อาทิ ภาพเขียนฝาผนัง กราฟฟิตี ภาพนูนต่ำนูนสูง ซ่อนอยู่มากมาย บางชิ้นก็เป็นงานสามมิติลวงตา บางชิ้นงานก็ทะเล้นทะลึ่ง หรือบางชิ้นงานก็กัดได้เจ็บๆ คันๆ ดีพิลึก 

La Fresque des Lyonnais อันเลื่องชื่อ
City Library อีกหนึ่งในจิตรกรรมฝาผนังอันโด่งดัง

นอกจาก La Fresque des Lyonnais (ลา แฟรสค์ เดส์ ลียอนแนส์) อันโด่งดังที่รวมเอาภาพของบุคคลสำคัญของลียงมาไว้บนกำแพง (เช่น แอมแปร์ และ แซงต์-เอ็กซูเปครี ผู้เขียน “เจ้าชายน้อย”) และ the City Library (อันนี้ Sylvie Colon แม่แฟนเราเป็นผู้ร่วมวาดด้วยแหละ อวดๆ 555) ที่อยู่ไม่ไกลกัน หากมองรอบๆ ตัวดูให้ดี เราอาจจะเจอ ตาของ David Bowie หัวลิง นมเต้าเดียว ภาพโมเสกเกม 8-bits ในตำนาน และอีกมากมายสารพัด แต่ถ้าอยากมาดูอาจต้องให้ไวหน่อย โดยเฉพาะพวกงานชิ้นเล็กๆ เพราะเท่าที่สังเกต งานบางชิ้นก็โดนมือดีทำลายไปไม่น้อยทีเดียว

10. ปิกนิกบนยอด Croix-Rousse
สวนพฤกศาสตร์บน Croix-Rousse
จบท้ายรายการด้วยการไต่เขาเช่นกัน (สุขภาพดีได้อีก) แต่คราวนี้อย่าลืมเอาของกินติดไม้ติดมือมาด้วย เพราะวิวบนยอด Croix-Rousse นั้นสวยไม่แพ้บน Fourvière ทั้งๆ ที่เคยเป็นย่านคนงานทอผ้าไหม (ปัจจุบันนี้ไม่มีแล้ว) ทุกวันนี้ Croix-Rousse กลายเป็นย่านคนมีกะตังค์ที่สงบๆ ไม่วุ่นวาย แถมยังมีพื้นที่ให้เราได้เยี่ยมชมความงามอย่าง Place Colbert (ปลาส คอลแบร์) Parc Sutter (ปาร์ค ซูตเต) และสวนพฤษศาสตร์ขนาดย่อม ขึ้นมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่ว่าจะหิ้วข้าวเหนียวไก่ย่างหรือแซนด์วิชชืดๆ มากินก็อร่อยได้ไม่แพ้กันด้วยอาหารตา (พูดถึงวิวนะจ๊ะ) ที่อยู่ตรงหน้าและออกซิเจนระดับพรีเมียม
คำแนะนำจากคนพื้นที่: งาน street art ส่วนใหญ่จะอยู่แถว Croix-Rousse แนะนำให้เริ่มจากการเดินดูงานศิลปะเพลินๆ พร้อมค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาปิกนิกบนยอดเขาหรือกินก่อนแล้วค่อยเดินเที่ยวก็ได้แล้วแต่ความสะดวก


**หมายเหตุ*** กิจกรรมทั้งหมดที่แนะนำมา อยู่ในระแวกเขตเมืองเก่า (ระหว่างเขต 1 และเขต 5) ทั้งหมดยกเว้น Parc de la Tête d’Or หากเดินทางมาจากสถานีรถไฟ Lyon Part-Dieu (ลียง ปาร์-ดิเยอ) มีออพชันการเดินทางให้เลือกดังนี้
1. นั่งเมโทร (รถไฟใต้ดิน) จากสถานี Gare Part-Dieu Vivier Merle (การ์ ปาร์-ดิเยอ วิวิเย แมร์ล) สาย B (สีฟ้า) ทิศที่มี Stade de Gerland (สตาด เดอ แจร์ลอง) เป็นสถานีปลายทาง มาเปลี่ยนเป็นสาย D (สีเขียว) ที่สถานี Saxe-Gambetta (ซักซ์-กองแบตตา) เพื่อนั่งต่อไปลงที่สถานี Vieux Lyon (วิเยอส์ ลียง) ที่มุ่งหน้าไปทาง Gare de Vaise (การ์ เดอ แวส) (ถ้างง ดูภาพประกอบค่ะ) 
2. นั่งรถเมล์สาย C9 (ฝั่งที่มุ่งหน้าไป Bellecour Le Viste (แบลกูร์ เลอ วิสต์) นั่งรถชิลๆ พร้อม ชมบรรยากาศรอบๆ ตัวเมือง มาลงที่ Bellecour Le Viste แล้วเดินต่ออีกประมาณ 600 เมตร ไปยังเขตเมืองเก่า
3. กลัวหลง กลัวขึ้นผิด กลัวเปลือง แต่ไม่กลัวเหนื่อย ไม่กลัวเสียเวลา เดินโลด! เปิด Google Map 40 กว่านาทีถึง แถมได้เดินชมเมืองแบบชิลๆ ไปในตัว
4. ใครที่ชอบความแปลกใหม่ ลียงก็มีสกูตเตอร์ไฟฟ้า ให้ได้ขี่เล่นกัน สะดวก รวดเร็ว แต่ราคาอาจจะแพงหน่อย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการประหยัดเวลาแต่อยากชมวิวเมืองลียงไปพร้อมๆ กัน โดยเราสามารถใช้บริการผ่านหลายแอปพลิเคชั่นผู้ให้บริการเช่าสกูตเตอร์ เช่น Lime หรือ VOI ที่เห็นกันบ่อยๆ เป็นต้น

ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกต่อชีวิตและการเดินทาง ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง ให้ดาวน์โหลดแอปฯ Moovit ติดมือถือไว้ เพราะเราเคยเจอปัญหา Google Map ไม่โชว์เส้นทางการเดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะในลียง เพราะฉะนั้น Moovit จึงเป็นอีกตัวเลือกที่สะดวกและแม่นยำเป็นอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้แอปฯ นี้ยังใช้ได้กับเมืองใหญ่ๆ อีกหลายเมือง และในอีกหลายประเทศด้วย

จริงๆ แล้วลียงยังมีกิจกรรมและเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมาย ไว้คราวต่อๆ ไป เมื่อมีเวลาจะเขียนเล่าเรื่องเมืองลียง และเมืองใกล้เคียงอื่นๆ ที่เราไปสัมผัสมาให้ได้อ่านกันอีก ใครมีข้อสงสัยหรืออยากรู้อะไรเพิ่มเติม เชิญเขียนแปะไว้ได้เลยนะคะ แล้วจะเข้ามาตอบ 

อ้อ! แล้วใครที่มีแผนมาลียงแล้วต้องการล่ามหรือคนนำเที่ยวแบบชิลๆ กันเอง ก็สามารถติดต่อมาได้โดยทิ้งคอมเมนต์ไว้ใต้โพสต์นี้เช่นกันค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

Comments

Post a Comment

Popular posts from this blog

เที่ยวตลาดคริสต์มาสส่งท้ายปีที่ Cologne

ฝรั่งเศสทั้งตัวเอาใบบัวปิดไม่มิด ตอน งานวัดสไตล์ฝรั่งเศส