เล่าสู่กันฟัง - กักตัว 14 วันมันเป็นยังไงหนอ


นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์โควิด 19 เรานั้นยังไม่มีโอกาสได้เดินทางข้ามประเทศเลยค่ะ แต่น้องชายร่วมสายเลือดที่ไปเรียนต่อที่อังกฤษบินกลับมาไทยช่วงนี้พอดี เราเลยฉวยโอกาสนี้สอบถามรีดเค้นข้อมูลจากน้องมาให้ได้มากและครอบคลุมที่สุดเพื่อมาเล่าให้ฟังกันในบทความนี้ค่ะ เผื่อใครที่กำลังคิดอยากจะเดินทางกลับไทยจะได้เตรียมตัว (และเตรียมใจ) ถูก

จากสนามบิน Heathrow บินตรงด้วยสายการบินไทย (ในราคาค่าตั๋วที่สูงกว่าปกติประมาณ 1.5 เท่า) ในเที่ยวบินนั้น น้องชายบอกว่าที่นั่งบนเครื่องบินเต็มจนลืมคำว่า Social Distancing หรือการรักษาระยะห่างทางสังคมไปเลยค่ะ (แต่ก็อุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้เห็นลูกเรือที่ขยันทำความสะอาดห้องน้ำทุกครั้งหลังจากที่มีผู้เข้าใช้บริการ)

ณ สนามบิน Heathrow ขาออก

บรรยากาศบนเครื่อง

ทันทีที่เท้าเหยียบแผ่นดินไทย ผกต. ย่อมาจาก ผู้กักตัว อันเป็นศัพท์ที่จนท. (เจ้าหน้าที่) 😆 ใช้เรียกทุกคนที่ต้องถูกกักตัวเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย ก็จะต้องถูกวัดอุณหภูมิร่างกาย ตรวจร่างกายเบื้องต้นและซักถามประวัติ พร้อมเช็คเอกสาร Fit-to-Fly + พาสปอร์ต + ใบยินยอมกักตัวจากสถานทูตไทยที่ขอมาจากประเทศต้นทาง (โดยมีการรักษาระยะห่าง 1.5 เมตร) แล้ว ผกต.ก็ค่อยๆ เดินออกมาจากสนามบินโดยมีแฟนๆ ในชุดแขนยาวขายาวสีขาว สวมหมวกและหน้ากากป้องกัน มาคอยให้การต้อนรับกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งทีเดียวค่ะ

ขณะรอตรวจร่างกายและเอกสาร

กลุ่มแฟนคลับในชุดขาวรอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

เนื่องจากการกักตัวต่อไปนี้เป็นการกักตัวที่รัฐบาลไทยเป็นผู้จัดให้ (SQ) ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายในการกักตัวตลอด 14 วัน เราจึงไม่สามารถเลือกที่พักเองได้ค่ะ ในเคสนี้จึงขึ้นอยู่กับดวงล้วนๆ เพราะแม้แต่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานก็ไม่สามารถให้คำตอบเราล่วงหน้าได้ค่ะว่าเราจะถูกส่งตัวไปกักไว้ที่ไหน หากเราต้องการเลือกที่พักเองซึ่งเรียกว่ากันว่า Alternative State Quarantine (ASQ) หรือสถานที่กักตัวทางเลือก เราก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการกักตัวเองทั้งหมดค่ะ

รสบัส (ที่ไม่มีการรักษาระยะห่างระหว่างที่นั่ง) คันที่น้องชายนั่งพาผู้โดยสารมาส่งยังโรงแรม
Grace Hotel ย่านนานา พอน้องส่งชื่อโรงแรมมาให้ดู เรารีบเสิร์ชหาเลยค่ะ โอ้โห! มีสระว่ายน้ำด้วย แต่เล่นไม่ได้ค่ะ 555! ก็มากักตัวนี่น้อ 😅 แต่ถือว่าโรงแรมดูดีใช้ได้ในระดับนึงทีเดียว น้องบอกว่า ถ้าเทียบกับเพื่อนบางคนที่กลับมาก่อนหน้า ตัวเองยังโชคดีที่ได้โรงแรมในกรุงเทพฯ ในขณะที่เพื่อนบางคนโดนไปกักตัวแถวสมุทรปราการอันมีหน้าตาที่พักไม่ต่างจากหอพักนักศึกษาดีๆ นี่เองค่ะ

บนรถบัสขณะเดินทางไปยังที่กักตัว

หลังจากทำการเช็คอินโดยการยื่นเอกสารส่วนตัวเพื่อรับกุญแจ และเอกสารชี้แจงรายละเอียดต่างๆ แล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะให้ผกต.ทุกคนแอดไลน์กลุ่มไว้ อันประกอบด้วยจนท.สาธารณะสุข จนท.โรงแรม จนท.ทหาร และผกต.ทุกคน พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน และเมื่อขึ้นไปยังห้องพักแล้ว ผกต.ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎเหล็กหลายข้อ ซึ่งข้อที่สำคัญที่สุดก็คือห้ามออกจากห้องเด็ดขาดค่ะ นอกจากนั้นก็จะมีกฎอย่าง การห้ามพบญาติตลอดการกักตัว ห้ามดื่มเครื่องดื่มมึนเมา ห้ามใช้บริการ food delivery หรือการทำความสะอาดห้องพัก เป็นต้น นอกจากนั้นสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ตามรูปด้านล่างเลยค่ะ

บริเวณโถงของโรงแรม

บรรยากาศภายในห้องพัก





นอกจากกฎระเบียบในการเข้าพักต่างๆ แล้ว หลายคนคงสงสัยว่าผกต.กินอะไรกันในแต่ละวัน แต่ละมื้อ ทั้งนี้อาหารจะเป็นเมนูที่ทำปรุงสุกใหม่ของทางโรงแรม โดยเขาจะให้ลิสต์รายการอาหารในแต่ละมื้อตลอด 14 วันมาให้ด้วยค่ะ และน้องชายเราก็แสนจะใจดี ถ่ายรูปอาหารมาให้เราดูทุกวันด้วยค่ะ


ตัวอย่างมื้ออาหารในแต่ละวัน

นอกจากนี้ถ้าใครเกิดหิวหรือต้องการซื้อของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น ทางโรงแรมเขาก็มีบริการออกไปซื้อของให้ฟรีๆ ไม่บวกเพิ่มสักบาทด้วยค่ะ โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องมียอดซื้อ 100 บาทขึ้นไป (น่าจะกันการฝากซื้อยิบย่อย) และห้ามซื้อของกินสดที่มีอายุสั้นหรือเน่าเสียได้ง่าย อย่างเช่น นมสดพาสเจอไรส์ หรือขนมเค้กที่ต้องแช่ตู้เย็น เป็นต้นค่ะ หรือถ้าอยากทานอาหารเป็นจานๆ เราสามารถสั่งซื้อเพิ่มได้จากทางโรงแรมเช่นกันค่ะ

และแม้จะห้ามพบเจอญาติในตลอด 14 วัน แต่ญาติก็สามารถนำของมาเยี่ยมมาฝากได้นะคะ โดยจะต้องฝากไว้ที่เคาน์เตอร์รับฝากของเยี่ยมที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ และห้ามนำของบางอย่างมาเยี่ยม อาทิ ของมีคม อาหารสดหรือผลิตภัณฑ์นมที่เสียได้ง่าย และเครื่องดื่มมึนเมาหรือบุหรี่ เป็นต้นค่ะ น้องชายอีกคนของเราเลยอาสาซื้อของมาให้เจ้าน้องชายตัวดีที่ท้องร้องหาอาหารตั้งแต่ตี 2 ตี 3 มาสองสามวันแล้วค่ะ (ไม่รู้ว่าเพราะ jet lag หรือกระเพาะใหญ่กว่าคนทั่วไปเขากันแน่) ทั้งนี้สามารถดูตัวอย่างลิสต์ของห้ามเยี่ยมได้ตามรูปด้านล่างนี้เลยค่ะ

ได้แต่แอบถ่ายพี่ชายที่เอาของมาให้อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ

ทั้งนี้ลืมบอกไปค่ะว่าตลอดระยะที่กักตัว ผกต.จะต้องวัดอุณหภูมิร่างกายด้วยตนเองพร้อมส่งผลให้แก่เจ้าหน้าที่ทราบทุกวันทางแอปพลิเคชั่นที่เจ้าหน้าที่ใช้ พร้อมแจ้งอาการผิดปกติ (ถ้ามี) และทุกคนจะได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด 2 รอบในวันที่ 5 และวันที่ 11 ของการกักตัว โชคดีเหลือเกินค่ะที่การตรวจหาเชื้อทั้งสองรอบไม่พบผู้ติดเชื้อในกลุ่มผกต.เที่ยวบินที่มาด้วยกันกับน้องชายและพักโรงแรมเดียวกันเลยสักคนค่ะ...แต่ แต่ แต่ น้องบอกว่าพบผู้ติดเชื้อ 1 รายจากผู้โดยสารที่บินเที่ยวบินเดียวกันแต่แยกไปกักตัวที่สมุทรปราการค่ะ

บรรยากาศการตรวจหาเชื้อโควิดระหว่างที่กักตัว


 

ในวันที่หลุดพ้นจากการกักตัว หรือวันที่ 15 ที่บินมาถึงเมืองไทย ทุกคนที่ตรวจไม่พบเชื้อก็จะได้รับใบประกาศสำเร็จหลักสูตรกักตัว 555! ล้อเล่นค่ะ แต่มันคือ เอกสารของทางราชการยืนยันพ้นการกักกันโรคจากพื้นที่กักกันรคแห่งรัฐ (SQ)’ ซึ่งมีหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

ตัวอย่างหนังสือรับรองที่ทางหน่วยงานออกให้

สำหรับใครที่มีคำถามหรืออยากทราบรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับการกักตัวที่จัดหาโดยรัฐฯ สามารถเขียนคอเมนต์ถามไว้ได้นะคะ แล้วเดี๋ยวเราจะพยายามไปช่วยหาคำตอบจากน้องมาให้ค่ะ😉

Comments

Popular posts from this blog

เที่ยว Lyon ลงไปทำอะไรดี

8 ของดีเมือง Annecy มาทั้งทีควรโดน

เที่ยวตลาดคริสต์มาสส่งท้ายปีที่ Cologne